กรดโฟลิก (Folic acid) หรือ โฟเลต มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กรดเทอโรอิลกลูตามิก (pteroylglutamic acid, PGA) จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ สถานะเป็นของแข็ง ผลึกสีเหลือง สลายตัวง่ายเมื่อถูกความร้อนในสภาพเป็นกรด และเมื่อถูกแสงในสภาพที่เป็นกลาง และด่าง มีโครงสร้างประกอบด้วยเทอริดีน (pteridine) กรดพาราอะมิโนเบนโซอิก และกรดแอล-กลูตามิก มีกรดแอล-กลูมตามิก เชื่อมต่อกับหมู่คาร์บอกซิลของกรดพาราอะมิโนเบนโซอิกเป็น 2-อะมิโน 4-ไฮดรอกซีเทอริดีน
โฟเลต เป็นคำที่นิยมเรียกสารประกอบที่มีโครงสร้างทางเคมี และมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนเหมือนกับคำว่า กรดโฟลิก ในปัจจุบันจึงนิยมใช้คำว่า โฟเลต แทน กรดโฟลิก
กรดโฟลิกที่พบในธรรมชาติจะอยู่ในรูปของโฟเลต โดยพบได้ทั้งในพืช และในสัตว์ ตัวอย่างอาหารที่มีโฟเลตสูง ได้แก่ พืชใบสีเขียว และเมล็ดธัญพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เป็นต้น ส่วนในสัตว์ พบในเนื้อเยื่อต่างๆ พบมากในตับ ไต และเครื่องใน ส่วนจุลินทรีย์ที่พบปริมาณโฟเลตสูง คือ ยีสต์
ประโยชน์โฟเลต/กรดโฟลิก
โฟเลต/กรดโฟลิก เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการสืบพันธุ์ ป้องกันความผิดปกติของเลือด และเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับกลไกทางชีวเคมีของร่างกาย
เมื่อร่างกายได้รับโฟเลต/กรดโฟลิก จะถูกเปลี่ยนเป็นเป็นโคเอนไซม์ที่สำคัญ ได้แก่ กรดเตตตระไฮโดรโฟลิก (tetrahydrofolic acid: FH4) ซึ่งจะกระจายเข้าสู่ทั่วร่างกาย แต่จะพบมากบริเวณตับ ซึ่งสารโคเอนไซม์เหล่านี้มีหน้าที่ที่สำคัญ คือ ทำหน้าที่ในปฏิกิยาที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายคาร์บอน อะตอม ในกระบวนการสร้างสารเพียวรีน (purine) และไพริมิดีน (pyrimidine) ที่เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก นอกจากนี้ โฟเลต/กรดโฟลิก และโคเอนไซม์ ยังเป็นสารสำคัญที่ช่วยในการสังเคราะห์กรดอะมิโนที่จำเป็น เช่น ไกลซีน และซีรีน ที่ใช้สำหรับการสร้างโปรตีนให้แก่ร่างกาย
โฟเลต/กรดโฟลิก ถือเป็นสารที่สำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และในวัยเด็ก เป็นสารที่ช่วยลดการเกิดโรคโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ และในวัยเด็ก ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดประสาทปลายเปิดในทารก (NTDs) ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง และโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
ผลของการขาดโฟเลต/กรดโฟลิก
การขาดโฟเลต/กรดโฟลิก จะมีผลทำให้การสังเคราะห์กรดนิวคลีอิกได้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลต่อการสังเคราะห์ DNA และRNA ได้น้อยลงตามมา รวมถึงมีผลต่อการสร้างกรดอะมิโนต่างๆที่จำเป็นด้วย สิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิดการเจริญ และการแบ่งตัวของเซลล์ช้ากว่าปกติ เช่น โปรตีนในร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นต้น
ในเด็กที่ขาดโฟเลต/กรดโฟลิกจะมีผลต่อการเจริญเติบโต ร่างกายแคระแกร็น การพัฒนาการทางสมองช้า หากเกิดการขาดหลังวัยเด็กจะทำให้เกิดโรคโรหิตจางชนิด megaloblasttic เป็นชนิดโรคโลหิตจางที่พบ megaloblast จำนวนน้อยลงในไขกระดูก และเม็ดเลือดแดง โดย megaloblast ที่พบจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีอายุสั้นกว่าปกติ อาการของโรคโลหิตจางชนิดนี้ คือ เหนื่อยหอบง่ายกว่าปกติ สีผิวซีด มีความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องเดิน ปวดท้อง กรดในกระเพราะอาหารน้อยลง เบื่ออาหาร ลิ้น และปากมีการอักเสบ
หญิงตั้งครรภ์ที่เกิดภาวะขาดโฟเลต/กรดโฟลิกในระหว่างตั้งครรภ์ จะมีระดับ 5-Methyl-THF ที่เป็นอนุพันธ์โฟเลต/กรดโฟลิก ในระบบเลือดลดต่ำลง ทำให้มีการยับยั้งกระบวนการ remethylation ของ homocysteine ให้เป็น methionine ทำให้ระดับ homocysteine ในพลาสมาสูงขึ้น ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และการพัฒนาของตัวอ่อน (embryo) ในครรภ์
ความต้องการโฟเลต/กรดโฟลิก
1. ทารก
– อายุ 0-0.5 : 50 ไมโครกรัม
– อายุ 0.5-1 : 50 ไมโครกรัม
2. เด็ก
– อายุ 1-3 : 100 ไมโครกรัม
– อายุ 4-6 : 200 ไมโครกรัม
– อายุ 7-10 : 300 ไมโครกรัม
3. ผู้ชาย
– อายุ 11-14 : 400 ไมโครกรัม
– อายุ 15–18 : 400 ไมโครกรัม
– อายุ 19-22 : 400 ไมโครกรัม
– อายุ 23-50 : 400 ไมโครกรัม
– อายุตั้งแต่ 51 ขึ้นไป : 400 ไมโครกรัม
4. ผู้หญิง
– อายุ 11-14 : 400 ไมโครกรัม
– อายุ 15-18 : 400 ไมโครกรัม
– อายุ 19-22 : 400 ไมโครกรัม
– อายุ 23-50 : 800 ไมโครกรัม
– อายุตั้งแต่ 51 ขึ้นไป : 600 ไมโครกรัม
5. หญิงมีครรภ์ : 800 ไมโครกรัม
6. หญิงให้นมบุตร : 600 ไมโครกรัม
ที่มา : ศศิเกษม และพรรณี, 2530.
ปัจจุบัน มีการสกัด และสังเคราะห์โฟเลตเพื่อใช้เป็นส่วนผสมหรือเป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะในวัยเด็ก และหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องการมาก รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมในอาหารอื่นๆที่สามารถเป็นแหล่งโฟเลตเสริมสำหรับทุกเพศทุกวัย