ไม้ขีดไฟ ถือเป็นสินค้าที่ครัวเรือนมีความจำเป็นต้องใช้สำหรับการก่อไฟ ถึงแม้ปัจจุบันจะมีสินค้าชนิดอื่นที่ง่ายต่อการใช้ และหาซื้อง่าย เช่น ไฟแช๊ค เข้ามาแทนที่ แต่ไม้ขีดไฟก็ยังมีการใช้อยู่ในบางครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนที่อยู่ห่างไกลจากชุมชนเมือง เนื่องจาก มีราคาถูกกว่า และใช้งานได้ง่าย
ประวัติไม้ขีดไฟ
ไม้ขีดไฟ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2370 ซึ่งค้นพบหลังจากการค้นพบไฟแช็กประมาณ 4 ปี โดยนักเคมีชาวอังกฤษ ชื่อ จอห์น วอลเคอร์ ที่ได้ทดลองนำเศษไม้ไปจุ่มในสารผสมของแอนติโมนีซัลไฟด์โปตัสเซียมคลอเรต กับ กาวที่ทำจากยางไม้ แล้วนำไปตากแห้ง ก่อนนำไปขีดกับกระดาษทรายจนเกิดประกายลุกเป็นไฟขึ้น ซึ่งถือเป็นไม้ขีดไฟชนิดที่ขีดกับวัสดุอะไรก็ติดไฟได้
ต่อมาปี พ.ศ. 2373 ชาร์ลส์ โซเรีย ชาวฝรั่งเศส ได้นำฟอสฟอรัสเหลืองหรือขาวมาเป็นส่วนผสมทำหัวไม้ขีดไฟ แต่ต่อมาพบว่า ฟอสฟอรัสเหลืองหรือขาว เมื่อติดไฟแล้วจะปล่อยควันพิษออกมา ทำให้มีกรณีผู้ป่วยที่ได้รับควันพิษจนถึงขั้นเสียชีวิต
ต่อมาในปีพ.ศ. 2383 จอห์น ลันสตรอม ชาวสวีเดน ได้คิดค้นนำฟอสฟอรัสแดงมาใช้เป็นส่วนจุดติดไฟเพราะก่อควันพิษได้น้อยกว่า โดยใช้โปตัสเซียมคลอเรตเป็นฟัวไม้ขีดไฟ และใช้ฟอสฟอรัสแดงเคลือบติดด้านข้างกล่องไม้ขีดสำหรับขูดกับโปตัสเซียมคลอเรตเพื่อให้คิดไฟ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้สำหรับผลิตไม้ขีดไฟมาจนถึงปัจจุบัน และมีการผสมกำมะถันเข้าไปด้วยเพื่อให้เกิดการจุดติดที่ลุกเป็นเปลวไฟ และลุกเป็นเปลวไฟได้นานขึ้น
ไม้ขีดไฟในประเทศไทย
การรูจักไม้ขีดไฟในประเทศไทย เริ่มต้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 ที่บาทหลวงศาสนาคริสต์นำไม้ขีดไฟจากประเทศสวีเดนเข้ามาใช้ และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จัก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2471 ประเทศไทยได้ตั้งโรงงานผลิตไม้ขีดไฟแห่งแรกขึ้น ชื่อโรงงานไม้ขีดไฟมินแซ บริเวณตำบลสะพานเหลือง ถนนพระราม4 กรุงเทพฯ และในปี พ.ศ. 2476 จึงได้ตั้งโรงงานไม้ขีดไฟมินแซขึ้นเป็นแห่งที่ 2 ขึ้นที่ตำบลวัดญวนสะพานขาว อำเภอป้อมปราบ กรุงเทพฯ ต่อมาจึงเริ่มมีโรงงานไม้ขีดไฟเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงแรก โรงงานไม้ขีดไฟจะตั้งอยู่ในเมืองกรุงเทพฯ แต่รัฐบาลเล็งเห็นว่า โรงงานไม้ขีดไฟมีความเป็นอันตรายสูง จึงสั่งย้ายโรงงานทั้งหมดให้ออกไปตั้งในแถบจังหวัดซานเมืองทั้งหมด
รายชื่อโรงานไม้ขีดไฟในยุคแรกเริ่ม
1. บริษัท ไม้ขีดไฟมินแซ จำกัด ตั้งที่ กรุงเทพฯ
– ตราปลาแดง
– ตรามินแซแดง
– ตรามินแซเหลือง
– ตรานกแก้ว
– ตรารถยนต์
– ตราสิงห์โต
2. บริษัท ไม้ขีดไฟตังอา จำกัด ตั้งที่ กรุงเทพฯ และย้ายไปที่ จ.ปทุมธานี
– ตรากวางตุ้ง
– ตราตังอา
– ตราจระเข้
– ตรากระรอก
– ตราตะเกียง
– ตราเรือหงษ์
3. บริษัท ไม้ขีดไฟไทย จำกัด ตั้งที่ กรุงเทพฯ
– ตรามินกวง
– ตราปืนคู่ (นิยมในภาคอีสาน)
– ตราพญานาค (นิยมในภาคกลาง)
– ตราพญานาคพิเศษ
– ตราเรือกำปั่น
– ตราสตางค์ (นิยมในภาคเหนือ)
– ตรานักมวย (นิยมในภาคใต้)
4. บริษัท ไม้ขีดไฟชลบุรี จำกัด ตั้งที่ จ.ชลบุรี
– ตราน่ำฮึง
– ตราโตฮก
– ตราบ้านฮ่วย
– ตราพระอาทิตย์
– ตราหนุมาน
– ตราหนุมานพิเศษ
5. บริษัท เอเชียไม้ขีดไฟ จำกัด ตั้งที่ จ.ชลบุรี
– ตราอาจิว
– ตราไผ่ป๊อก
– ตราเรือใบ
– ตรานางเงือก
– ตราอักษรไทย
– ตราชาวนา
– ตราเรือไวกิ้ง
– ตราเรือใบพิเศษ
6. บริษัท ไม้ขีดไฟกรุงเทพ จำกัด ตั้งที่ กรุงเทพฯ
– ตราไต้ทง
– ตราขีก่าย
– ตราม้าบิน
– ตรานกนางนวล
– ตราปูแดง
– ตรากินนร
7. บริษัท สหบูรพาไม้ขีดไฟ จำกัด ตั้งที่ กรุงเทพฯ
– ตรากวงเม้ง
– ตราตันฮึง
– ตรารถม้า
– ตราแรด
– ตราหมีขาว
– ตราเฮ่งเจีย
8. บริษัท ไม้ขีดไฟภาคใต้ จำกัด ตั้งที่ จ.สงขลา
– ตราซังฮี้ (พื้นสีน้ำเงิน)
– ตราหนำอา
– ตรานักมวยคู่
– ตราปลา
– ตราปู
– ตราวัวขน
9. บริษัท โรงงานไม้ขีดไฟอุดร จำกัด ตั้งที่ จ.อุดรธานี
– ตราซังฮี้ (พื้นสีน้ำเหลือง)
– ตราดาวเทียม
– ตราตังบัก
– ตรารถไฟ
– ตราโชคดี
– ตรามหาโชค
– ตราอิสาน
– ตรา เร โอ แวค
– ตรากระต่าย
– ตรา lucky
10. บริษัท สากลไม้ขีดไฟ จำกัด ตั้งที่ จ.ขอนแก่น
– ตราก๊กจี่
11. องค์การคลังสินค้า
– ตราโชคดี
ที่มา : 1), 2)
องค์ประกอบไม้ขีดไฟ
1. หัวไม้ขีด
หัวไม้ขีดมีลักษณะเป็นก้อนกลมที่ประกอบด้วยโปตัสเซียมคอเรต ผสมกับกำมะถัน และกาว เพื่อให้ยึดเกาะกันเป็นก้อน
2. ก้านไม้ขีด
ก้านไม้ขีดไฟ เป็นส่วนที่ทำจากไม้เนื้ออ่อน ได้แก่ ไม้ปอชนิดต่างๆ ไม้อ้อยช้าง ไม้งิ้ว ไม้มะยมป่า ไม้กระทุ่มบก ไม้มะกอก และไม่นางปรน เป็นต้น
นอกจากนี้ มีการทดลองนำไม้ยางพารามาเป็นวัตถุดิบผลิตก้านไม้ขีด แต่จากการสำรวจผู้ประกอบการ พบว่า ไม้ยางพารายังมีคุณสมบัติไม่ดีพอ อาทิ
– ลำต้นมีขนาดเล็ก เมื่อปอกเปลือกแล้วมีแก่นไม้เหลือน้อย ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
– ลำต้นไม่ค่อยกลม ลำต้นมีปุ่ม และตามาก
– เนื้อไม้ผ่าเป็นแผ่นได้ดี แต่มีปัญหาขึ้นราได้ง่าย
– หลังจากนำแผ่นไม้มาตากแห้ง มักเกิดการปิดงอ
ที่มา : 3)
3. กล่อง/กลักไม้ขีด
กล่องไม้ขีดหรือกลักไม้ขีด แต่ก่อนนั้นทำด้วยไม้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเพลาเป็นแผ่นบางๆ และขีดร่องสำหรับพับเป็นตัวกลัก และลิ้นสอดกลัก หลังจากนั้น นำไปตากให้เพื่อให้อยู่ทรงในรูปกล่อง ก่อนจะปิดด้วยกระดาษด้านนอก ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตได้หันมาใช้กล่องกระดาษแทน ซึ่งง่ายต่อการผลิต และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
สำหรับด้านข้างกล่องหรือกลักไม้ขีดทั้งสองด้านจะถูกเคลือบด้วยฟอสฟอรัสแดงในลักษณะเป็นปุ่มตาข่ายสำหรับใช้หัวไม้ขีดขูดเพื่อให้ลุกติดไฟ นอกจากนั้น ยังมีการผสมสารอื่นเข้าไปด้วย อาทิ ผงแก้ว, โปตัสเซียมไดโครเมต, แอนติโมโนซัลไฟด์, ผงถ่าน และกาว เพื่อให้เกิดความฝืดขณะขูด
กระบวนการผลิตไม้ขีดไฟ
1. นำไม้สดมาปอกเปลือกให้เหลือเฉพาะแก่นไม้ ก่อนจะนำมาเพลาให้เป็นแผ่นบางๆ หนาประมาณ 2 มิลลิเมตร แล้วนำไปผ่าเป็นเส้นหรือเป็นก้านขนาดด้านกว้างเท่ากันที่ 2 มิลลิเมตร และยาว 5 เซนติเมตร ก่อนจะนำไปแช่น้ำประสานทอง แล้วนำไปอบด้วยควันกะมะถันเพื่อกำจัด และป้องกันมอด ก่อนนำออกผึ่งแดดให้แห้ง
2. นำก้านไม้ขีดเข้าเครื่องขัดก้าน เพื่อกำจัดเสี้ยนหรือขนไม้เล็กออก พร้อมกับคัดก้านที่ได้ขนาดแยกออก
3. นำก้านไม้ขีดเข้าชุบขี้ผึ้งพาราฟินเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟติดก้านไม้ขีดได้ง่าย และอบแห้งอีกครั้ง
4. นำก้านไม้ขีดเข้าชุบหัวไม้ขีด ก่อนนำไปอบแห้ง
5. นำก้านสุดท้ายนำเข้าบรรจุในกลักหรือกล่องไม้ขีด
ประโยชน์ และข้อดีไม้ขีดไฟ
1. เป็นวัสดุที่ใช้สำหรับจุดติดไฟเพื่อการหุงหาอาหาร
2. สามารถจุดติดไฟได้ง่าย
3. สามารถพกพาได้สะดวก
4. มีราคาถูก
ข้อเสีย และอันตรายจากไม้ขีดไฟ
1. ไม้ขีดไฟ เมื่อขูดกับกลัก และลุกติดไฟจะปล่อยควันพิษออกมา เมื่อสูดดมจะได้กลิ่นฉุน และระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้แสบคัน และเกิดอาการไอ และหากสัมผัสกับตาจะทำให้ตาระคายเคือง เกิดอาการแสบคันตา
2. ไม้ขีดไฟมักเสื่อมสภาพได้ง่าย ไม่สามารถจุดติดไฟได้ ทั้งกล่อง และหัวไม้ขีด โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับน้ำหรือไอน้ำ ดังนั้น จำเป็นต้องเก็บในที่ร่มให้ห่างจากน้ำหรือน้ำฝนตลอด
3. สามารถลุกติดไฟได้ หากอยู่ใกล้แหล่งความร้อน
เอกสารอ้างอิง